01 August 2013

Ducky Shine Zero Review (Keyboard)

หลังจากที่ศึกษาหาข้อมูล Mechanical Keyboard มาแล้ว จึงต้องการทดสอบว่าดีจริงหรือไม่ และตัดสินใจจะซื้อโดยมีเงื่อนไขหรือคุณสมบัติดังต่อไปนี้
  • เสียงไม่ดัง
  • ต้องมี backlight
  • มีปุ่ม media ที่สามารถปรับเสียงขึ้นลงได้
  • มีแป้นภาษาไทย
จากการค้นหาข้อมูล มีตัวเลือกอยู่ 4 ตัว
  1.  Logitech G710+ มี backlight มีลูกกลิ้งปรับเสียงโดยเฉพาะ ใช้ Brown Switch ขาดแต่แป้นภาษาไทย 
  2. Tt eSPORTS MEKA G1 มี backlight ใ้ช้ Black Switch มีภาษาไทย แต่ไม่มีปุ่มปรับเสียงขึ้นลงแบบใช้ได้สะดวก  ต้องกด 2 จังหวะ โดย Fn พร้อมกับอีกหนึ่งปุ่ม เพื่อเพิ่มลดเสียง
  3. Razer BlackWidow Ultimate 2013  มี backlight มีภาษาไทย แต่ไม่มีปุ่มปรับเสียงขึ้นลงแบบใช้สะดวก และใช้ Blue Switch ซึ่งมีเสียงดัง
  4. Ducky Shine Zero DK2108S มี backlight มีภาษาไทย มี switch ให้เลือก 4 สี มีปุ่มปรับเสียงขึ้นลง
ใน 4 ตัวเลือกนี้ ตัดสินใจเลือก Ducky Zero Shine เพราะเข้าเกณฑ์ครบ คำถามถัดมา จะเลือก switch สีไหนดี ที่ผ่านมาได้แต่อ่านบทความและพยายามจินตนาการมาตลอด ไม่ได้ลองสัมผัสสินค้าจริงจัง จึงไปลองสัมผัสที่ร้าน ได้ความดังนี้
  • Cherry Red Switch เป็น switch 1 จังหวะ ปุ่มเบา ออกแรงกดเพียงนิดเดียว ปุ่มก็ยุบลงไปจนสุด
  • Cherry Black Switch เหมือน Red Switch ต้องออกแรงกดมากกว่า Red Switch
  • Cherry Brown Switch ให้ความรู้สึกกด 2 จังหวะ จังหวะที่ 1 ของแป้นจะอยู่ที่กึ่งกลางทางที่กด โดยแป้นจะสะท้อนความหนืดออกมา (tactile feedback) แรงที่ใช้กดใกล้เคียงกับ Red Switch
  • Cherry Blue Switch มีลักษณะเป็น 2 จังหวะ เหมือน Brown Switch แต่มีเสียงดังคลิก
Cherry Red Switch มีราคาแพงเมื่อเทียบกับ Switch ตัวอื่น และได้รับความนิยมมากที่สุด (ตามที่พนักงานขายบอก) เหมาะสำหรับเล่นเกม เพราะสามารถกดปุ่มได้ง่ายและเร็ว ในขณะที่ Cherry Black Switch ออกแบบสำหรับเล่นเกมเช่นกัน แต่เจาะกลุ่มพวกนักเล่นที่ต้องการความแ่ม่นยำสูง เพราะความหนืดที่เข้มข้นกว่าจะเป็นตัวเตือนป้องกันการกดปุ่มผิด ส่วน Brown Switch เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพิมพ์งาน เพราะ tactile feedback ที่ตอบสนองเมื่อกดปุ่มลงไปครึ่งนึง ช่วยให้ไม่ต้องออกแรงกดมากจนมิดปุ่ม ย่นระยะเวลาที่นิ้วเคลื่อนไหว ส่งผลให้ความเร็วในการพิมพ์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ถ้ากดแ้ป้นแค่ 1 จังหวะได้ เสียงจะไม่ดังมากด้วย สำหรับ Blue Switch ใช้ได้ดีกับการพิมพ์ดีด เพราะนอกจากมี tactile feedback และยังมีการตอบสนองด้วยเสียงกลับมา

ใน 4 ตัวนี้ ชอบ Brown Switch มากที่สุด เพราะปกติใช้พิมพ์งานเป็นหลัก และต้องการ Mechanical Keyboard ที่เสียงไม่ดัง จึงตัดสินใจซื้อ Ducky Shine Zero (Brown Switch)


Review

 

 In the Box

  • Keyboard ประกัน 1 ปี
  • คู่มือระบุฟังชั่นบนคีย์บอร์ดและคำเตือน ไม่รับประกันถ้าโดนน้ำ
  • ปุ่ม WASD สีเทา และอุปกรณ์สำหรับแกะแป้นคีย์บอร์ดเป็นรูปหัวเป็ด

Keyboard Functions

  • Fn+0  เพื่อปิดไฟ LED
  • Fn+1 ถึง Fn+7 เพื่อปรับความเข้มข้นแสง LED มี 7 ระดับ
  • Fn+8 เพื่อเปิดโหมด pulsing mode หรือ ปล่อยให้ LED ทุกดวงบนคีย์บอร์ดกระพริบวนรอบสว่างสุดไล่ไปสว่างน้อยที่สุดจนดับ
  • แสงไฟปุ่ม NumLk และ Caps เป็นไฟ LED ระดับสูงสุดเสมอ
  • Fn+F12 เพื่อเปิดโหมด NKey Rollover หรือ กดปุ่มหลายปุ่มได้พร้อมกัน
  • Fn+F10 เพื่อปิดปุ่ม Win ด้านซ้ายล่าง ไม่ให้สะดุดในขณะที่เล่นเกม
  • ปุ่ม เพิ่มเสียง, ลดเสียง, ปิดเสียง และปุ่มเรียกเครื่องคิดเลข

First Impression

คีย์บอร์ดใช้หัว USB ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องการ driver เพิ่ม

ตัวคีย์บอร์ดมีขนาดหนากว่าคีย์บอร์ดตัวเดิมที่ใช้อยู่ รู้สึกไม่คุ้นชิน เพราะต้องปรับลักษณะการวางแขนใหม่ และคีย์บอร์ดมีเสียงดังกว่าที่คิดสมควร เนื่องจากเป็นธรรมชาติของคีย์บอร์ดที่เป็น Switch ไม่ใช่แป้นยาง

แสง backlight สามารถปรับได้ 7 ระดับ ระดับสูงสุดสว่างมากจนแสบตา ส่วนตัวใช้แค่ระดับ 2 ก็เพียงพอ

After Using It For Awhile

ข้อดีของ Mechanical Keyboard คือ การตอบสนองที่รวดเร็ว คีย์บอร์ดจะรับรู้การกดแป้น เมื่อกดแป้นจนยุบลงไปครึ่งปุ่ม เพราะมีจุดรับรู้ (Actuation Point) ที่ 2mm จากระยะทางการกดปุ่มทั้งหมด 4mm ไม่จำเป็นต้องกดแป้นแรงจนกระแทกคีย์บอร์ด ซึ่งช่วยลดเสียงจากการพิมพ์ และนิ้วไม่ต้องออกแรงเยอะ นอกจากนี้เพราะว่าใช้ Brown Switch ที่มี tactile feedback ให้นิ้วรู้เมื่อกดลึกลงไป 1 จังหวะ ทำให้กดปุ่มเบาได้สะดวกขึ้น

ต้องการลดเสียงพิมพ์ดีด ทำให้ต้องฝึกพิมพ์กดแป้นเบาๆ ในระยะแรกลงน้ำหนักไม่ถูก เพราะเคยกดแป้นคีย์บอร์ดเต็มแรงมาทั้งชีวิต ฝืนพิมพ์ไปเรื่อย ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง หลังจากฝืนไปประมาณ 3 วัน ก็สามารถทำได้แม่นยำมากขึ้น และเสียงการพิมพ์เบาลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสลับไปใช้ Membrane Keyboard พบว่าเราออกแรงกดปุ่มเบาลง ส่งผลให้นิ้วมือไม่ล้าและสามารถพิมพ์ได้นานโดยไม่เมื่อย จากที่ต้องการเพียงลดเสียงพิมพ์ดีด กลับได้สกิลที่ทำให้นิ้วไม่ล้าเพิ่มขึ้นมา

Mechanical Keyboard ให้ความรู้สึกสม่ำเสมอในการพิมพ์ ทุกแป้นบนคีย์บอร์ดให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน ออกแรงเท่าไหนปุ่มก็ย่อลงไปตามแรงกด ทำให้เราไม่ต้องเกร็งนิ้วเกินความจำเป็น

สำหรับ Backlight ที่เราให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ หลังใช้ไปซักพัก ก็แทบไม่ได้สนใจว่าแสงบนคีย์บอร์ดจะเป็นอย่างไร เพราะระหว่างพิมพ์มักไม่ได้มองลงมาที่แป้นคีย์บอร์ด Backlight เป็นเพียง Gimmick ดึงดูดให้น่าสนใจเพียงช่วงแรกเท่านั้น

หลังใช้คีย์บอร์ดมาสักพัก เริ่มคุ้นกับคีย์บอร์ดมากขึ้น ปรับพฤติกรรมการพิมพ์ให้เหมาะกับคีย์บอร์ดได้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น แป้นทุกแป้นให้ความรู้สึกแน่นและ tactile feedback เด้งย้อนกลับมาทำให้รู้สึกสนุกเวลาพิมพ์ โดยรวมพอใจกับการใช้คีย์บอร์ดตัวนี้ ถ้ามีงบประมาณเหลือและอยากสัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ในการพิมพ์ แนะนำให้หามาลองใช้ดู

No comments:

Post a Comment