แนวคิดจากหนังสือ มีดังนี้
- ต้องเชื่อในเรื่องที่พูด เพราะถ้าแค่ตัวเองยังไม่เชื่อ จะไปหวังจะให้คนฟังเชื่อได้อย่างไร
- ต้องเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถพัฒนาพูดให้ดีขึ้นได้ เพราะไม่มีนักพูดคนไหนเก่งได้จากการพูดครั้งแรก
- หมั่นซ้อมพูดสม่ำเสมอ ยิ่งถ้ามีโอกาสได้พูดต่อหน้าหลายคน ควรทำ เพราะคุณจะมีประสบการณ์การพูดมากขึ้น และจะพูดเก่งขึ้นในครั้งถัดๆ ไป
- มีเป้าหมายการพูดเสมอ และอย่าพยายามพูดหลายประเด็นเพราะคนฟังตามไม่ทัน
- ก่อนพูดต้องเตรียมตัวและฝึกซ้อมอย่างดี
- ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ต้องเตรียมตัวคิดเรื่องให้ทันภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะหากเจอเหตุการณ์เช่นเดิมครั้งถัดไป จะสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เร็วขึ้น หากนึกอะไรไม่ออกให้นึกถึงประสบการณ์ในอดีตของตน
- เนื้อหาการพูดให้น่าฟัง ควรเป็น
- เรื่องราวหรือประสบการณ์ของตน เพราะโดยธรรมชาติ มนุษย์ชอบอะไรที่เป็น"เรื่องราว"
- ชีวิตวัยเด็ก
- การต่อสู้ดิ้นรน
- งานอดิเรกและการผ่อนคลาย
- ความรอบรู้พิเศษ
- ประสบการณ์ไม่คาดฝัน
- อุดมการณ์และความเชื่อมั่น
- เล่าให้เห็นภาพ
- เนื้อหาควรกระชับ
- พูดเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ฟัง ทำการบ้านก่อนพูดว่าผู้ฟังมีภูมิหลังอย่างไร
- ห้ามพูดศัพท์เทคนิค
- ไม่จำเป็นต้องฝึกให้เสียงมีพลังโดยการฝึกหายใจด้วยกระบังลม แค่ใส่ใจลงไปในการพูดและพูดให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
- จบโดยการสรุปประเด็นให้ผู้ฟังอีกรอบ
- เปิดฉากต้องทำให้คนสนใจผู้พูดในทันที มีหลักการตามนี้
- เร้าความสนใจด้วยการบอกข้อมูลไม่หมด ค่อยๆเปิดเผยมาทีละเล็กทีละน้อย
- ข้อเท็จจริงที่ทำให้ตื่นตระหนก เช่น อัตราการหย่าร้างอยู่ที่ 50%
- ให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมยกมือแสดงความเห็น
- คำมั่นสัญญาว่าจะเปิดเผยความลับ ในการพูดครั้งนี้
- ใช้วัตถุดึงดูดสายตา เช่น หยิบเหรียญขึ้นมาและเรียกให้ทุกคนมอง
- ห้ามขอโทษด้วยวันนี้ไม่ได้เตรียมตัวมา เพราะถ้าพูดไม่ดี คนฟังเป็นคนตัดสินเอง
- ห้ามพูดเรื่องตลก เพราะมุกที่นำมาใช้อาจไม่ขำ
- มั่นใจ
- วางแผน
- ฝึกซ้อม
- จริงใจในเรื่องที่พูด
Very good summary K.Trust.
ReplyDelete