- เสียงไม่ดัง
- ต้องมี backlight
- มีปุ่ม media ที่สามารถปรับเสียงขึ้นลงได้
- มีแป้นภาษาไทย
- Logitech G710+ มี backlight มีลูกกลิ้งปรับเสียงโดยเฉพาะ ใช้ Brown Switch ขาดแต่แป้นภาษาไทย
- Tt eSPORTS MEKA G1 มี backlight ใ้ช้ Black Switch มีภาษาไทย แต่ไม่มีปุ่มปรับเสียงขึ้นลงแบบใช้ได้สะดวก ต้องกด 2 จังหวะ โดย Fn พร้อมกับอีกหนึ่งปุ่ม เพื่อเพิ่มลดเสียง
- Razer BlackWidow Ultimate 2013 มี backlight มีภาษาไทย แต่ไม่มีปุ่มปรับเสียงขึ้นลงแบบใช้สะดวก และใช้ Blue Switch ซึ่งมีเสียงดัง
- Ducky Shine Zero DK2108S มี backlight มีภาษาไทย มี switch ให้เลือก 4 สี มีปุ่มปรับเสียงขึ้นลง
- Cherry Red Switch เป็น switch 1 จังหวะ ปุ่มเบา ออกแรงกดเพียงนิดเดียว ปุ่มก็ยุบลงไปจนสุด
- Cherry Black Switch เหมือน Red Switch ต้องออกแรงกดมากกว่า Red Switch
- Cherry Brown Switch ให้ความรู้สึกกด 2 จังหวะ จังหวะที่ 1 ของแป้นจะอยู่ที่กึ่งกลางทางที่กด โดยแป้นจะสะท้อนความหนืดออกมา (tactile feedback) แรงที่ใช้กดใกล้เคียงกับ Red Switch
- Cherry Blue Switch มีลักษณะเป็น 2 จังหวะ เหมือน Brown Switch แต่มีเสียงดังคลิก
ใน 4 ตัวนี้ ชอบ Brown Switch มากที่สุด เพราะปกติใช้พิมพ์งานเป็นหลัก และต้องการ Mechanical Keyboard ที่เสียงไม่ดัง จึงตัดสินใจซื้อ Ducky Shine Zero (Brown Switch)
Review
In the Box
- Keyboard ประกัน 1 ปี
- คู่มือระบุฟังชั่นบนคีย์บอร์ดและคำเตือน ไม่รับประกันถ้าโดนน้ำ
- ปุ่ม WASD สีเทา และอุปกรณ์สำหรับแกะแป้นคีย์บอร์ดเป็นรูปหัวเป็ด
Keyboard Functions
- Fn+0 เพื่อปิดไฟ LED
- Fn+1 ถึง Fn+7 เพื่อปรับความเข้มข้นแสง LED มี 7 ระดับ
- Fn+8 เพื่อเปิดโหมด pulsing mode หรือ ปล่อยให้ LED ทุกดวงบนคีย์บอร์ดกระพริบวนรอบสว่างสุดไล่ไปสว่างน้อยที่สุดจนดับ
- แสงไฟปุ่ม NumLk และ Caps เป็นไฟ LED ระดับสูงสุดเสมอ
- Fn+F12 เพื่อเปิดโหมด NKey Rollover หรือ กดปุ่มหลายปุ่มได้พร้อมกัน
- Fn+F10 เพื่อปิดปุ่ม Win ด้านซ้ายล่าง ไม่ให้สะดุดในขณะที่เล่นเกม
- ปุ่ม เพิ่มเสียง, ลดเสียง, ปิดเสียง และปุ่มเรียกเครื่องคิดเลข
First Impression
คีย์บอร์ดใช้หัว USB ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องการ driver เพิ่มตัวคีย์บอร์ดมีขนาดหนากว่าคีย์บอร์ดตัวเดิมที่ใช้อยู่ รู้สึกไม่คุ้นชิน เพราะต้องปรับลักษณะการวางแขนใหม่ และคีย์บอร์ดมีเสียงดังกว่าที่คิดสมควร เนื่องจากเป็นธรรมชาติของคีย์บอร์ดที่เป็น Switch ไม่ใช่แป้นยาง
แสง backlight สามารถปรับได้ 7 ระดับ ระดับสูงสุดสว่างมากจนแสบตา ส่วนตัวใช้แค่ระดับ 2 ก็เพียงพอ
After Using It For Awhile
ข้อดีของ Mechanical Keyboard คือ การตอบสนองที่รวดเร็ว คีย์บอร์ดจะรับรู้การกดแป้น เมื่อกดแป้นจนยุบลงไปครึ่งปุ่ม เพราะมีจุดรับรู้ (Actuation Point) ที่ 2mm จากระยะทางการกดปุ่มทั้งหมด 4mm ไม่จำเป็นต้องกดแป้นแรงจนกระแทกคีย์บอร์ด ซึ่งช่วยลดเสียงจากการพิมพ์ และนิ้วไม่ต้องออกแรงเยอะ นอกจากนี้เพราะว่าใช้ Brown Switch ที่มี tactile feedback ให้นิ้วรู้เมื่อกดลึกลงไป 1 จังหวะ ทำให้กดปุ่มเบาได้สะดวกขึ้นต้องการลดเสียงพิมพ์ดีด ทำให้ต้องฝึกพิมพ์กดแป้นเบาๆ ในระยะแรกลงน้ำหนักไม่ถูก เพราะเคยกดแป้นคีย์บอร์ดเต็มแรงมาทั้งชีวิต ฝืนพิมพ์ไปเรื่อย ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง หลังจากฝืนไปประมาณ 3 วัน ก็สามารถทำได้แม่นยำมากขึ้น และเสียงการพิมพ์เบาลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสลับไปใช้ Membrane Keyboard พบว่าเราออกแรงกดปุ่มเบาลง ส่งผลให้นิ้วมือไม่ล้าและสามารถพิมพ์ได้นานโดยไม่เมื่อย จากที่ต้องการเพียงลดเสียงพิมพ์ดีด กลับได้สกิลที่ทำให้นิ้วไม่ล้าเพิ่มขึ้นมา
Mechanical Keyboard ให้ความรู้สึกสม่ำเสมอในการพิมพ์ ทุกแป้นบนคีย์บอร์ดให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน ออกแรงเท่าไหนปุ่มก็ย่อลงไปตามแรงกด ทำให้เราไม่ต้องเกร็งนิ้วเกินความจำเป็น
สำหรับ Backlight ที่เราให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ หลังใช้ไปซักพัก ก็แทบไม่ได้สนใจว่าแสงบนคีย์บอร์ดจะเป็นอย่างไร เพราะระหว่างพิมพ์มักไม่ได้มองลงมาที่แป้นคีย์บอร์ด Backlight เป็นเพียง Gimmick ดึงดูดให้น่าสนใจเพียงช่วงแรกเท่านั้น
หลังใช้คีย์บอร์ดมาสักพัก เริ่มคุ้นกับคีย์บอร์ดมากขึ้น ปรับพฤติกรรมการพิมพ์ให้เหมาะกับคีย์บอร์ดได้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น แป้นทุกแป้นให้ความรู้สึกแน่นและ tactile feedback เด้งย้อนกลับมาทำให้รู้สึกสนุกเวลาพิมพ์ โดยรวมพอใจกับการใช้คีย์บอร์ดตัวนี้ ถ้ามีงบประมาณเหลือและอยากสัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ในการพิมพ์ แนะนำให้หามาลองใช้ดู
No comments:
Post a Comment